โครงการวีอาร์ดี ชวนทำดี ที่โรงพยาบาลสงฆ์

พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่า:

“โย ภิกขเว มํ อุปฏฐเหยย โส คิลานํ อุปฏฐเหยย” “ผู้ใดปราถนาจะอุปปัฏฐากเราตถาคต ผู้นั้นพึงรักษาภิกษุป่วยไข้”

การให้การพยาบาลหรือบำบัดโรคภัยไข้เจ็บของพระสงฆ์ เท่ากับการได้อุปัฏฐากพระพุทธองค์ ตามความเชื่อผู้คนส่วนมากแล้วมึความเชื่อและศรัทธาว่า “ถ้าหากผู้ใดที่ได้ถวายอาหารหรือสิ่งของต่อพระพุทธเจ้า ไม่ว่าจะเป็นพระปัจเจกพุทธเจ้า หรือ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า บุญที่เกิดจากการถวายทานนั้น มีอานิสสงส์มาก ขนาดว่าผู้นั้นตั้งจิตอธิษฐาน ขอให้ได้เป็นสาวก หรือ อัครสาวก หรือ ปราถนาพุทธภูมิ ก็ได้สมดังใจปรารถนา” ตามพระพุทธดำรัสที่กล่าวมาข้างต้นนั้น การที่เราดูแลช่วยเหลือปรนิบัติต่อพระภิกษุผู้อาพาธ เท่ากับว่าเราได้สร้างกุศลต่อพระพุทธองค์โดยตรงเลยทีเดียว ดังนี้ ผลบุญมหาศาลจักบังเกิดขึ้นแก่เราผู้ได้ปรนนิบัติอุปัฏฐากพระภิกษุสงฆ์ผู้อาพาธ เปรียบเสมือนเราได้ถวายทานต่อพระพุทธเจ้านั่นเอง
Vrdee.com จะชวนท่านมาทำความดีที่โรงพยาบาลสงฆ์ โรงพยาบาลแห่งแรกและแห่งเดียวในประเทศไทย และถือเป็นแห่งเดียวในโลก ที่จัดสร้างขึ้นเพื่อให้บริการด้านการรักษาพยาบาลแก่พระสงฆ์

ประวัติโรงพยาบาลสงฆ์

โรงพยาบาลสงฆ์เป็นโรงพยาบาลแห่งเดียวในประเทศไทยและในโลกที่รัฐฯได้จัดสร้างขึ้นเพื่อให้บริการด้านการรักษาพยาบาลแก่พระภิกษุ-สามเณรอาพาธทั่วประเทศ เริ่มตั้งขึ้นครั้งแรกในปี พ.ศ. 2484 ในสมัยรัฐบาลของ ฯพณฯ จอมพล ป. พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรี ดำริที่จะสร้างโรงพยาบาลสงฆ์ขึ้นที่บริเวณ วัดพระศรีมหาธาตุ แต่หากต้องระงับไปเนื่องจากเกิดสงครามโลกครั้งที่สอง ต่อมาในปี พ.ศ. 2492 ฯพณฯ จอมพล ป. พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรี ได้ดำริให้มีการรื้อฟื้นเรื่องการสร้างโรงพยาบาลสงฆ์ โดยคัดเลือกได้ที่ดิน ณ ตำบลทุ่งพญาไท คือที่ตั้งในปัจจุบันนี้ โดยสมเด็จพระสังฆราชเจ้ากรมหลวง วชิรณาณวงศ์ วัดบวรนิเวศวิหารได้ทรงเป็นประธานในพิธีและทรงขนานนามให้ว่า“โรงพยาบาลสงฆ์” พิธีเปิดโรงพยาบาลได้กระทำอย่างเป็นทางการเมื่อวันพุธที่ 21 กุมภาพันธ์ 2494 และได้มอบให้กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข รับไปดำเนินกิจการต่อไปโดยมีนายแพทย์วิรัช มรรคดวงแก้ว เป็น ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสงฆ์ คนแรก และเริ่มปฏิบัติงานเมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2494

ที่ตั้งโรงพยาบาลสงฆ์

ที่ตั้งโรงพยาบาลสงฆ์

โรงพยาบาลสงฆ์ตั้งอยู่ที่ 445 ถ.ศรีอยุธยา แขวงทุ่งพญาไท เขต ราชเทวี, 10400 หรืออยู่บริเวณแยกศรีอยุธยา เดินทางไม่ไกลจากอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ หากเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะ สามารถมาเริ่มต้นเดินทางได้จากบริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ จากนั้นให้นั่งรถเมล์สาย 538 บริเวณฝั่งหน้าโรงพยาบาลราชวิถี จะหมดระยะที่โรงพยาบาลสงฆ์ พอดี
 
 
 
 

กิจกรรมทำบุญในโรงพยาบาลสงฆ์

โรงพยาบาลสงฆ์

เมื่อเข้าไปในโรงพยาบาลสงฆ์แล้ว เราจะเห็นอาศรมพระอาจารย์แพทย์ใหญ่ ชีวกโกมารภัจจ์ บรมครูแห่งการแพทย์แผนโบราณ และเป็นที่รู้จักกันว่าเป็นแพทย์ของพระพุทธเจ้า เราสามารถจุดเทียนและธูป 9 ดอก เพื่อสักการะท่านได้ จากนั้นหากท่านที่ประสงค์จะทำบุญกับโรงพยาบาลสงฆ์ ในช่วงเช้าก็สามารถเข้าร่วมงานบุญ กับคู่บ่าวสาว หรือเจ้าภาพ ที่หอฉัน หรือจะทำบุญ โดยเข้าไปที่สำนักงานรับบริจาคจองทำบุญ ที่อยู่ใกล้ ๆ กัน โดยผู้ที่บริจาคจำนวนเงินตั้งแต่ 1,000 บาทขึ้นไป ทางโรงพยาบาลจะออกใบอนุโมทนาบุญให้ สำหรับผู้ที่มีศรัทธา บริจาคเงินโดยไม่ประสงค์ออกชื่อ ทางโรงพยาบาลสงฆ์ก็มีตู้รับบริจาค ซึ่งหน้าตู้ก็จะระบุวัตถุประสงค์ที่ได้จากการทำบุญ เช่น ค่ายา ค่าเวชภัณฑ์ ค่าโลหิต ค่าสาธารณูปโภค ได้แก่ค่าน้ำประปา ค่าไฟฟ้า ฯลฯ เป็นต้น ซึ่งเมื่อทำบุญแล้ว จะมีที่กรวดน้ำให้อธิษฐานจิต เพื่อแผ่เมตตา นอกจากการบริจาคด้วยเงินแล้ว ผู้มีจิตศรัทธายังสามารถบริจาคด้วยของใช้ต่าง ๆ เช่น ผ้าอ้อม กระดาษชำระ ฯลฯ
นอกจากนี้ เมื่อออกจากสำนักงานรับบริจาคจองทำบุญ เดินตรงไปตามทาง จะพบกับวิหาร ซึ่งมีพระพุทธรูปเป็นประธาน และมีพระสงฆ์ประจำเพื่อรับสังฆทานประจำอยู่ ระหว่างทางเดินไปวิหาร จะพบกับตึกผู้ป่วย หลาย ๆ ตึก ซึ่งแม้ว่าจะมีบริเวณกว้างขวางพอสมควร แต่เมื่อพิจารณาดูว่าในแต่ละปีมีพระสงฆ์จำนวนมากเข้ามารักษาในโรงพยาบาลสงฆ์แห่งนี้แห่งเดียวแล้ว เราจะพบว่าทางโรงพยาบาลยังต้องการรับบริจาคอยู่อีกมาก
 

การสั่งจองเพื่อจัดงานทำบุญในวาระโอกาสต่าง ๆ

โรงพยาบาลสงฆ์มีสถานที่และสิ่งอำนวยความสะดวกในการจัดเลี้ยงทำบุญพระสงฆ์ในวาระโอกาสต่าง ๆ และเป็นสถานที่ ๆ ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในการจัดงานแต่งงานของคู่บ่าว-สาว เพราะถือได้ว่านอกจากการจัดงานมงคลแล้ว ยังมีโอกาสได้ทำบุญด้วย สำหรับท่านใดที่สนใจจองเพื่อทำบุญในวาระโอกาสต่าง ๆ หรือมีข้อสงสัยติดต่อสอบถามได้ที่แผนกรับจอง ณ อาคารพิธีสงฆ์ (ห้องกระจก) โรงพยาบาลสงฆ์ ทุกวัน เวลา 06.00 – 16.00 น. โทรศัพท์ 0-2245-8041, 0-2640-9537, 0-2248-3773 ต่อ 3501,3502 หรือเข้าไปจองได้ด้วยตนเองที่อาคารสำนักงานรับบริจาคจองทำบุญ หรือดูรายละเอียดเบี้องต้นได้ ที่นี่

ร่วมบริจาคทำบุญโรงพยาบาลสงฆ์

นอกจากเดินทางไปทำบุญด้วยตนเองแล้ว ท่านใดที่ไม่มีเวลาเดินทางไปด้วยตนเอง ก็สามารถบริจาคได้ โดยโอนเงินเข้าบัญชี ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) สาขาถนนศรีอยุธยา บัญชีฝากออมทรัพย์ เลขที่ 013-185026-1 ชื่อบัญชี  เงินบริจาคบำรุงโรงพยาบาลสงฆ์

หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่เว็บไซด์โรงพยาบาลสงฆ์

บริจาคลดหย่อนภาษีได้ 2 เท่า e-donation

This image has an empty alt attribute; its file name is QRcode.jpg

โครงการวีอาร์ดี ชวนทำดี กฐินพระราชทาน วัดพญาภู จ.น่าน

ทอดกฐินประเพณีการทอดกฐินของพุทธศาสนิกชนไทยมีมาช้านาน โดยมีทั้งพิธีหลวงและพิธีราษฎร์ โดยการถวายผ้าพระกฐินของพระมหากษัตริย์จัดเป็นพระราชพิธีที่สำคัญประจำปี กฐิน เป็นศัพท์ในพระวินัยปิฎกเถรวาท เป็นชื่อเรียกผ้าไตรจีวรที่พระพุทธเจ้าทรงอนุญาตให้ภิกษุผู้อยู่จำพรรษาครบ 3 เดือนแล้ว สามารถรับมานุ่งห่มได้ โดยคำว่าการทอดกฐิน หรือการกรานกฐิน จัดเป็นสังฆกรรมประเภทหนึ่งตามพระวินัยบัญญัติเถรวาทที่มีกำหนดเวลา คือพระสงฆ์สามารถกระทำสังฆกรรมนี้ได้นับแต่วันแรม 1 ค่ำ เดือน 11 ไปจนถึงวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 12 โดยมีระยะเวลาเพียง 1 เดือนเท่านั้น โดยมีวัตถุประสงค์สำคัญคือสร้างความสามัคคีในหมู่คณะสงฆ์ และอนุเคราะห์ภิกษุผู้ทรงคุณที่มีจีวรชำรุด
กฐินพระราชทาน คือ กฐินที่พระบาทสมเด็จพระอยู่หัว พระราชทานผ้าของหลวงแก่ผู้กราบบังคมทูลขอพระราชทาน เพื่อนำไปถวายยัง วัดหลวง วัดใดวัดหนึ่งนอกเหนือจาก  16 วัดสำคัญ ที่ได้กำหนดไว้แล้ว เนื่องจากในปัจจุบัน วัดหลวงมีจำนวนมาก จึงเปิดโอกาสให้กระทรวง ทบวง กรม  ต่าง ๆ ตลอดจนคณะบุคคลองค์กร บริษัทห้างร้านต่าง ๆ  ที่เห็นสมควรรับพระราชทานผ้ากฐิน ไปถวายแทนพระองค์ และผู้ที่ได้รับพระราชทานผ้ากฐิน จะเพิ่มไทยธรรมเป็นส่วนตัว โดยเสด็จพระราชกุศลตามกำลังศรัทธาด้วยก็ได้ผู้ที่มีความประสงค์จะขอรับพระราชทานผ้ากฐินไปถวาย ณ วัดหลวงแห่งใดแห่งหนึ่งจะต้องจองกฐินไว้ล่วงหน้าก่อน ในการนำ ผ้ากฐินพระราชทานไปถวายวัดหลวงแห่งใดแห่งหนึ่ง ผู้ที่นำไปจะต้องกล่าวถวายต่อหน้าหมู่สงฆ์ ณ วัดนั้น ว่า “ผ้ากฐินพระราชทาน กับทั้งผ้าอานิสงส์บริวารทั้งปวงนี้ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรามาธิบดีจักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราชบรมนาถบพิตร ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ กอปรด้วยพระราชศรัทธา โปรดเกล้าฯ ให้ข้าพเจ้าน้อมนำมาถวายแด่พระสงฆ์ ซึ่งจำพรรษากาลด้วยไตรมาส ในอาวาสวิหารนี้ ขอพระสงฆ์จงรับผ้ากฐินพระราชทานนี้ กระทำกฐินัตถารกิจ ตามพระบรมพุทธานุญาตนั้น เทอญ”
อานิสงส์ของกฐิน
การทำบุญทอดกฐินนับได้ว่าเป็นการทำบุญที่มีอานิสงส์มากทั้งผู้ถวายคือญาติโยมพุทธบริษัท และพระสงฆ์ที่รับกฐิน
พระจะได้รับอานิสงส์ 5 ประการคือ
1. เข้าบ้านได้โดยมิต้องบอกลาพระภิกษุด้วยกัน
2. เอาไตรจีวรไปโดยไม่ครบสำรับได้
3. ฉันอาหารเป็นคณะโภชน์ได้
4. เก็บจีวรไว้ได้ตามปราถนา
5. ลาภที่เกิดขึ้นเป็นของเธอผู้จำพรรษาในวัดนั้น
สำหรับผู้ทอดกฐิน ก็จะได้รับอานิสงส์ 5 ประการ
1. ทำให้มีอายุยืนยาว
2. ทำให้บริบูรณ์ด้วยทรัพย์
3. จะไม่ถูกวางยาพิษให้เป็นอันตรายถึงชีวิต
4. ทรัพย์สมบัติจะไม่เป็นอันตรายด้วยโจรภัยหรืออัคคีภัย
5. จะได้เป็นเอหิภิกขุในอนาคต
มีเรื่องเล่าว่า ในครั้งศาสนาของพระกัสสปสัมมาสัมพุทธเจ้า มีชายยาจกคนหนึ่งอาศัยท่านศิริธรรมเศรษฐี เลี้ยงชีพโดยการเฝ้าไร่หญ้า จึงมีชื่อว่าติณบาล ได้อาหารเป็นค่าจ้างวันละหม้อ เขาคิดว่าเรายากจนต้องมาทนรับใช้คนอื่นเช่นนี้ ก็เพราะไม่ได้ทำทานไว้ เขาจึงแบ่งอาหารเป็นสองส่วน ส่วนหนึ่งถวายแด่ภิกษุที่มาบิณฑบาต ส่วนหนึ่งตนบริโภค ทำอยู่เป็นเวลานาน ท่านเศรษฐีสงสารจึงเพิ่มอาหารให้อีก 1 ส่วน เขาเอาส่วนที่ได้เพิ่มมาให้แก่พวกยากจนเอาไปกิน
ต่อมาเป็นวันออกพรรษา ท่านเศรษฐีจะทอดกฐินจึงประกาศให้คนในบ้านได้มีส่วนร่วมกุศลด้วย นายติณบาลได้ฟังมาว่า การทอดกฐินได้บุญมากอยากจะร่วมกุศลด้วย แต่หาของร่วมไม่ได้ จนใกล้วันทอด จึงตัดสินใจเอาผ้านุ่งของตนออกมาพับแล้วกลัดใบไม้นุ่งแทน เที่ยวเดินขายตามตลาด ประชาชนเห็นเข้าก็พากันเยาะเย้ยต่างๆนานา เขาตอบว่า พวกท่านอย่าเยาะเย้ยเราเลยเรายากจน เราจะนุ่งใบไม้เฉพาะชาตินี้เท่านั้น ชาติต่อๆไปเราจะนุ่งห่มผ้าทิพย์ ในที่สุดเขาก็ขายได้ราคา 5 มาสก 1 บาท จึงเอาเงินไปให้เศรษฐี ท่านเศรษฐีเอาเงินนั้นซื้อด้ายสำหรับเย็บจีวร กิตติศัพท์ เกียรติคุณที่เขาทำบุญได้ลือกระฉ่อนจนทราบถึงพระเจ้าแผ่นดิน จึงมีรับสั่งให้เข้าเฝ้า เขาบอกว่าไม่มีผ้านุ่ง พระราชาจึงสั่งพระราชทานผ้านุ่งราคาหนึ่งแสนไปให้เขาแล้วพระราชทานบ้าน ทรัพย์ ช้าง ม้า วัว ควาย ทาส ทาสีแก่เขาเป็นจำนวนมาก เขานึกถึงบุญคุณของบุญกุศลจึงได้ทำบุญเป็นการใหญ่ และพยายามสร้างฐานะจนได้เป็นเศรษฐี ในกาลต่อมาเมื่อเขาตายแล้วไปเกิดในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ มีความสุขอันเป็นทิพย์ทุกอย่าง มีนางเทพอัปสรเป็นบริวารหนึ่งหวัดพญาภูมื่นคน แม้ท่านเศรษฐีเมื่อตายแล้ว ก็ได้ไปเกิดในสวรรค์ชั้นดเยวกัน มีความสุขอันเป็นทิพย์เช่นกัน
การทอกกฐินเป็นกาลทาน ปีหนึ่งทำได้ครั้งเดียว วันหนึ่งทำได้ครั้งเดียว ในปีหนึ่ง ๆ ต้องทำภายในกำหนดเวลา และผู้ทอดก็ต้องตร
ะเตรียมจัดทำเป็นงานใหญ่ ต้องมีผู้ช่วยเหลือหลายคน จึงนิยมกันว่าเป็นพิธีบุญที่อานิสงส์แรง น่าคิดอีกทางหนึ่งว่า พิธีเช่นนี้ได้ทั้งโภคสมบัติเพราะเราเองบริจาค ได้ทั้งบริวารสมบัติเพราะได้บอกบุญแก่ญาติมิตรให้มาร่วมการกุศลกาลทาน

ในปีนี้ วีอาร์ดี ร่วมทำบุญในพิธีถวายผ้าพระกฐินพระราชทาน ณ วัดพญาภู ตำบลในเวียง อำเภอเมือง จังหวัดน่าน ดูรายละเอียดประวัติและที่ตั้งของวัด

ขอบคุณ ที่มา
ประวัติกฐินพระราชทาน
อานิสงส์ของกฐิน

โครงการวีอาร์ดี ชวนทำดี พิธีเทกระจาด ศาลเจ้าพ่อเสือ

ประเพณีทิ้งกระจาด เป็นประเพณีทางศาสนาพุทธ นิกายมหายาน ที่พุทธศาสนิกชนร่วมกันอุทิศส่วนกุศลให้แก่ดวงวิญญาณที่ล่วงลับไปแล้ว เป็นการสร้างความเอื้ออาทรต่อกันในชุมชน ถือว่าการทำบุญให้ทานนี้เป็นเครื่องลดความเห็นแก่ตัวลง โดยปกติจะจัดในช่วงเดือน 7 ของจีน ซึ่งเป็นช่วงที่เชื่อว่าประตูนรกจะเปิดเพื่อปล่อยสัตว์นรกชั่วคราว เมื่อวิญญาณที่ขึ้นมานี้หากมีญาติเซ่นไหว้ทำบุญอุทิศให้ วิญญาณนั้นก็สุขสบาย แต่วิญญาณที่ไม่มีญาติเซ่นไหว้ก็หิวโหย อดโซไปเป็นที่น่าเวทนานัก ดังนั้นในช่วงสาร์ทจีน ซึ่งตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 7 ของจีน จึงมีการเซ่นไหว้บรรพบุรุษ และช่วงบ่ายบางบ้านจะมีการเซ่นไหว้ผีไม่มีญาติ หรือคนจีนเรียกว่า ไหว้ฮ่อ เฮีย ตี๋ ที่ลานหน้าบ้าน แต่พิธีทิ้งกระจาดจะทำตามวิหารหรือศาลเจ้าต่าง ๆ เพื่ออนุเคราะห์แก่วิญญาณไร้ญาติเหล่านั้นให้เป็นสุขขึ้นบ้าง ส่วนของที่นำมาเซ่นไหว้แล้วก็นำมาแจกจ่ายเป็นทางแก่ผู้คนที่ต้องการต่อไป เท่ากับว่าของที่ผู้บริจาคมาในงานนี้จะได้ประโยชน์ 2 ต่อ คือ นำของมาเซ่นไหว้ เมื่อไหว้เสร็จแล้ว ยังนำของไหว้ที่ไหว้เสร็จแล้วนั้นเป็นทานแก่คนเป็นอีกด้วย จึงนับว่าเป็นมหาทานด้วยเหตุผลดังนี้จึงถือว่าได้บุญมาก
โดยปกติ งานประเพณีทิ้งกระจาดนี้ จะเริ่มหลังวันสารทจีน 7 วัน วันเพ็ญเดือน 7 ตามปฏิทินจีน ประมาณปลายเดือนสิงหาคมหรือต้นเดือนกันยายน ตามปฏิทินไทย นอกจากช่วงเดือน 7 จีนแล้ว มีศาลเจ้าบางแห่งจัดงานทิ้งกระจาดในช่วงท้ายของเทศกาลกินเจ เป็นความเชื่อที่ว่าทำบุญในเทศกาลกินเจแล้ว ยังได้ทำทานในพิธีเทกระจาดหลังเทศกาลกินเจอีกด้วย
วิธีการเทกระจาดนั้น ในสมัยก่อนจะทำเป็นฉลากติดบนกระจาดสานจากไม้ไผ่เพื่อใช้ร่อนได้ เมื่อถึงเวลาก็จะทิ้งกระจาดเล็ก ๆ นี้ไปยังประชาชนที่มารอรับของ ใครเก็บกระจาดได้ก็จะนำไปขึ้นของ จึงเป็นที่มาของคำว่าทิ้งกระจาด ไม่ใช่เทกระจาดอย่างที่หลายคนใช้ผิดกัน
สำหรับในปีนี้ ศาลเจ้าพ่อเสือ ถนนตะนาว กรุงเทพมหานคร ได้มีการจัดงานเทกระจาดขึ้น ในวันที่ 15 พ.ย. 58 โดยวีอารดี ได้ร่วมทำบุญบริจาคข้าวสาร ของแห้ง เพื่อใช้แจกจ่ายให้แก่ประชาชนที่ยากไร้ ในพิธีเทกระจาด ซึ่งพิธีดังกล่าวจะจัดขึ้นเพียงปีละ 1 ครั้ง
 
ขอขอบคุณ ที่มา : ข้อมุลเกี่ยวกับประเพณีทิ้งกระจาด
ดูประวัติและวิธีเดินทางไปทีศาลเจ้าพ่อเสือ

โครงการวีอาร์ดี ชวนทำดี วันมหิดล ร่วมแรง ร่วมใจ ช่วยผู้ป่วยยากไร้และด้อยโอกาส รพ.ศิริราช

วันที่ 24 กันยายน เป็นวันคล้ายวันสวรรคตของสมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก พระผู้ได้รับการถวายพระสมัญญาภิไธยจากแพทย์และประชาชนทั่วไปว่า  “พระบิดาแห่งการแพทย์แผนปัจจุบันของไทย” 

ในปีนี้ วีอาร์ดี ร่วมทำบุญบริจาคในกองทุนศิริราชมูลนิธิ เพื่อผู้ป่วย ร.พ.ศิริราช  ดูรายละเอียด ศิริราชมูลนิธี 
ความเป็นมาธงมหิดล
ทุก ๆ ปี จะมีการจัดการวันมหิดล ซึ่งมีกิจกรรมหนึ่ง ซึ่งจัดทำทุกปี ได้แก่ การเชิญชวนให้บุคคลทั่วไปร่วมบริจาคในวาระโอกาสวันมหิดล โดยผู้ร่วมบริจาคจะได้รับธงมหิดลเป็นที่ระลึก ซึ่งในปี 2558 นี้ วันมหิดล ตรงกับวันพฤหัสบดี จึงมีสีธงประจำปีนี้ คือ สีส้ม

     เมื่อ พ.ศ.2503  ศ.นพ.กษาณ  จาติกวนิช  ผู้อำนวยการโรงพยาบาลศิริราช  ได้เสนอให้ศิริราชมีการจัดหน่ายธง “วันมหิดล” เพื่อให้ประชาชนทุกเศรษฐานะมีส่วนเกื้อกูลผู้ป่วยยากไร้ของ โรงพยาบาลศิริราช  ในปีแรกมีการจำหน่ายธงขนาดกลาง ราคา 10 บาท และธงเล็กทำด้วยริบบิ้น ราคา 1 บาท  นักศึกษาทุกหมู่เหล่าในวิทยาเขตศิริราช  ได้ช่วยกันออกไปจำหน่าย  ซึ่งรายได้ทั้งหมดนำไปจัดซื้ออุปกรณ์  การรักษาพยาบาลและเครื่องอำนวยความสุขแก่ผู้ป่วยยากไร้
ใน พ.ศ. 2520  การจำหน่ายธงได้ผลดีเกิดคาด  ธงไม่พอสำหรับวันออกรับบริจาคครั้งใหญ่  “กลุ่มอาสามหาวิทยาลัยมหิดล” ซึ่งประกอบด้วย  นักศึกษาจากทุกคณะ  และทุกวิทยาเขต   จึงอาสาทำธงมาจนถึงทุกวันนี้
สำหรับเงินบริจาคที่ได้รับจากธงศิริราชี้ ทางโรงพยาบาลศิริราชได้นำไปซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ต่าง ๆ เพื่อประโยชน์โดยรวมของผู้ป่วย เครื่องมือแพทย์ที่จัดซื้อ เช่น เครื่องช่วยหายใจ เครื่องอบฆ่าเชื้ออุปกรณ์ต่าง ๆ เป็นต้น
ร่วมบริจาคสมทบทุนได้ รายละเอียดตาม ลิงค์
ขอบคุณข้อมูล จากเว็บไซด์
โรงพยาบาลศิริราช วันมหิดล http://www1.si.mahidol.ac.th/mahidolday/
ศิริราชมูลนิธิ http://www.si.mahidol.ac.th/office_m/foundation/index.htm