สุริยุปราคา จันทรุปราคา พระจันทร์สีเลือด

ตำนานความเชื่อเกี่ยวกับ ราหูอมอาทิตย์ และราหูอมจันทร์ ซึ่งเล่าไว้ว่า

เมื่อครั้งมีการกวนน้ำอมฤต เทวดาและอสูรต่างแย่งชิงกันดื่ม พระราหูซึ่งเป็นอสูรได้ปลอมตัวเป็นเทวดาและดื่มน้ำอมฤตเข้าไป พระอาทิตย์และพระจันทร์เห็นจึงรีบไปทูลพระนารายณ์ พระนารายณ์จึงขว้างจักรตัดตัวพระราหูขาดเป็นสองท่อน แต่ด้วยฤทธิ์ของน้ำอมฤตทำให้ไม่ตาย ตั้งแต่นั้นมาพระราหูจึงโกรธและคอยจับกินพระอาทิตย์และพระจันทร์เพื่อแก้แค้น เมื่อเกิดปรากฏการณ์ ชาวบ้านจะร่วมกันตีเกราะเคาะไม้เพื่อขับไล่ราหูให้คายพระจันทร์ออกมา

ตำนานชาติเวร

สมัยหนึ่งพระอาทิตย์ไปเกิดเป็นพญาครุฑ ส่วนพระเสาร์ไปเกิดเป็นพญานาค เมื่อพญาครุฑพยายามจับพญานาคกินเป็นอาหาร  พญานาคจึงหนีไปขอความช่วยเหลือจากพระราหูสหายรัก พระราหูทราบเรื่องก็ช่วยพญานาคขับไล่พญาครุฑ ฝ่ายพญาครุฑสู้ไม่ไหว ก็หนีไปโดยมีพระราหูตามไปไม่ลดละ ระหว่างทางพระราหูเกิดกระหายน้ำ จึงดื่มน้ำอมฤตของพระอินทร์แก้กระหาย พญาครุฑนำความไปฟ้องพระอินทร์ พระอินทร์ทรงกริ้วเป็นอย่างมาก จึงได้ขว้างจักรเพชรเข้าตัดร่างของพระราหูขาดเป็น 2 ท่อน พระราหูไม่ตายเพราะได้ดื่มน้ำอมฤตแล้ว และเก็บความเคืองแค้นพญาครุฑ (พระอาทิตย์) เรื่อยมา

ในตำนานนพเคราะห์ได้กล่าวถึงการจองเวรระหว่างราหู กับพระจันทร์และพระอาทิตย์ไว้ว่า

พระเสาร์กับพระอาทิตย์เป็นศัตรูกัน พระอาทิตย์ พระพฤหัสบดี และพระอังคารเป็นศัตรูกับพระราหู

ส่วนพระราหูกับพระเสาร์เป็นมิตรกัน เพราะได้ช่วยเหลือกันมาตั้งแต่ต้น

ส่วนพระอังคารซึ่งเป็นศัตรูกับพระราหูนั้น มีสาเหตุมาจากชาติหนึ่งพระอังคารเกิดเป็นไม้เกตก์ ส่วนพระราหูเกิดเป็นไฟ ไฟได้ไหม้ไม้เกตก์จึงเกิดอาฆาตกันมา

ราหูทางโหราศาสตร์เป็นดาวที่มีคุณในทางให้กำลัง เพิ่มอานุภาพภายใน ผลักดันให้เกิดความพยายาม ขยันขันแข็งลุ่มหลง ในขณะเดียวกันก็เป็นบาปพระเคราะห์ทำให้ลุ่มหลงมัวเมาได้มาก เช่น ผู้ใดมีราหูกุมลัคนาจะเป็นคนขยันมากจนหลง ถ้าทำงานก็เรียกว่าบ้างาน การที่ราหูกุมลัคจึงอาจจะหมายถึงความเอาจริงเอาจัง

พระจันทร์สีเลือด

พระจันทร์สีเลือด บลัดมูน Blood Moon คือ ชื่อเรียกของปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ ที่ดวงจันทร์มีสีแดงเข้ม หรือสีแดงอิฐ ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ทางดาราศาสตร์ที่เรียกว่า จันทรุปราคาเต็มดวง (Total Lunar Eclipse)

สาเหตุที่ทำให้เกิดปรากฏการณ์

เมื่อเกิดจันทรุปราคาเต็มดวง โลกจะโคจรไปอยู่ระหว่างดวงอาทิตย์กับดวงจันทร์ ทำให้เงาของโลกไปบดบังแสงอาทิตย์ที่ส่องมายังดวงจันทร์ แต่ดวงจันทร์ไม่ได้มืดสนิทไปเลยทันที เพราะยังมีแสงอาทิตย์บางส่วนที่ส่องผ่านชั้นบรรยากาศของโลกได้ ซึ่งเป็นไปตามหลักการณ์ของ การกระเจิงของเรย์ลีห์ Rayleigh Scattering คือ การกระเจิงของแสง